วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2553

สื่อการสอนเรื่อง การทักทาย 1

Christmas Day

ใบความรู้ที่ 1
จุดประสงค์ : อ่านเรื่อง Christmas Day แล้วเขียนเรื่องย่อได้
เวลา : 25 นาที
ข้อปฏิบัติ :
1. แต่ละกลุ่มค้นหาความหมายของศัพท์จากพจนานุกรม
2. สมาชิกในกลุ่มช่วยกันแปลเนื้อเรื่องให้ได้ความ แล้วทำแบบฝึกหัดในใบงาน


Christmas Day

Christmas Day is the most famous and best – loved holiday in America and many other parts of the world. It’s celebrated a little differently in every country, but the main reason for celebrating it is the same everywhere.

On December 25th 2002 years ago. Jesus Christ, The Son of God, was born in the town of God, was born in the town of Bethlehem. Mary, the mother of Jesus, and her husband Joseph were travelling, and they stopped for the night at an inn. There was no room at the inn, so they slept in the stable.

That night in the stable, the baby Jesus was born. After his birth, a strange and wonderful thing happened. A very bright star appeared in the sky. Three wise men from far away followed the light from this star and came to the stable where Jesus Christ lay.

They brought many presents with them, for they knew that Jesus had been sent from God to be their leader. Many shepherds came from the field around Bethlehem to see the new baby, and they, too, knew that Jesus was a special baby sent from God.
Jesus grew up to be a very kind, gentle, and wise man who spent his life telling people about God’s love, and teaching them how to lead a good life.

After his death, a new religion grew up which followed his teaching and was named after him; Christianity.

คำศัพท์:

best-loved
differently
reason
husband inn
stable
wonderful
appeared
followed
lead
present
shepherds
grew up
gentle
kind
wise
religion


ใบงานที่ 1.1
ชื่อ ……………………………………….…..เลขที่………..…ห้อง……………..……
เรื่อง Christmas Day

แบบฝึกหัดที่ 1


เขียนความหมายของศัพท์ต่อไปนี้

1. best-loved =

2. presents =
3. differently =

4. shepherds =
5. reason =

6. grew up =
7. husband
=
8. kind =
9. inn =

10. gentle =
11. stable =

12. wise =
13. wonderful =

14. spent =
15.eared =

16.lead =
17.lowed =

18. religion =


แบบฝึกหัดที่ 2
จงเขียนเนื้อเรื่องย่อเป็นภาษาไทยให้ถูกต้อง

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………



ใบงานที่ 1.2
ชื่อ ……………………………………….…..เลขที่………..…ห้อง……………..……

เรื่อง Christmas Day

แบบฝึกหัดที่ 3

จงเติมคำลงในช่องว่างให้ถูกต้อง
1. The ……………… love Christmas Day.
2. Christmas Day is a ……………………. for many people.
3. People ………………………. happily on this day.
4. Christmas Day is always on ……………………………
5. It was the day that Jesus Christ was ………………………
6. Jesus Christ’s mother was ………………………….
7. Joseph and Mary were ……………………. and wife.
8. Jesus Christ was born in the ………………………
9. There were …………………… strange and wonderful things happened.
10. The wise men brought ………………. to the new baby.

แบบฝึกหัดที่ 4

จงเขียน T หน้าข้อความที่ถูก เขียน F หน้าข้อความที่ผิด

…….. 1. People celebrate Christmas Day in America only.
…….. 2. Christmas Day is very famous in America.
…….. 3. Christmas Day is on December 24th every year.
…….. 4. In fact, Jesus Christ was the Son of God.
…….. 5. Jesus Christ was born in Bethlehem.
…….. 6. A bright star guided the 3 wise men to the new baby.
…….. 7. Only shepherds came to see the new baby.
…….. 8. Jesus Christ was kind, wise and gentle.
…….. 9. A new religion grew up before Jesus Christ died.
……..10. Christmas believed in God.

วันพุธที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2553

ค่ายคุณธรรมจริยธรรมของนักเรียน ชั้น ม.5 ปีการศึกษา 2552

ค่ายคุณธรรมจริยธรรมของนักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนบ้านแป้นพิทยาคม
ณ วัดพระธาตุดอยเวียง อ.บ้านธิ จ.ลำพูน วันที่ 10-11 ธันวาคม 2552


โดยครูเอ้


นักเรียนชั้น ม.5 ออกเดินทางจากโรงเรียนบ้านแป้นพิทยาคมเพื่อมุ่งหน้าสู่วัดพระธาตุดอยเวียง

ต. บ้านธิ อ .บ้านธิ จ.ลำพูน และมีคุณครูผู้ควบคุมและเป็นที่ปรึกษา คือ รองฯช่อผกา ครูบุญยก ครูประเสริฐ ครูธีรนันท์ ครูศิราพร ครูรสสุคนธ์ และครูศราวุฒิ
ก่อนอื่นขอเล่าประวัติวัดนี้ย่อๆ คือ วัดแห่งนี้ห่างจากตัวอำเภอบ้านธิ ประมาณ 7 กิโลเมตร บริเวณใกล้กับ
อ่างเก็บน้ำแม่ธิ มีเนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ และบนดอยเป็นที่ประดิษฐานเจดีย์เก่าแก่ซึ่งมีพระสารีริกธาตุบรรจุอยู่ สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อ พ.ศ. 1220 ในสมัยพระนางจามเทวี ตามตำนานจารึกในใบลานเล่าว่า ขุนหลวงปาละวิจา มาตั้งเมืองที่นี่ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านและได้สร้างวัดไว้บนดอย ต่อมาถูกไฟป่าไหม้ลุกลาม ทำให้เหลือแต่เจดีย์และศาลาเล็ก ๆ หลังหนึ่ง วัดนี้ยังมีพระพุทธรูปเก่าแก่อีก 3 องค์ องค์แรกเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ ปางมารวิชัยหน้าตักกว้าง 29 นิ้ว มีเรื่องเล่าว่าครั้งหนึ่งฝนแล้ง ชาวบ้านเดือดร้อนเลยนำพระองค์นี้มาแห่ขอฝน ปรากฏว่าฝนตก ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันตั้งชื่อพระองค์นี้ว่า “พระเจ้าสายฝน” องค์ที่สองหน้าตักกว้าง 99 นิ้ว ประดิษฐานที่ศาลาการเปรียญ ส่วนองค์ที่สามหน้าตักกว้าง 89 นิ้วประดิษฐานที่เชิงดอย ทั้งสององค์ข้างในเป็นศิลาแลงและข้างนอกฉาบปูน สมัยที่ค้นพบนั้นเหลือไม่เต็มองค์เศียรปักดินชาวบ้านจึงเรียกว่า “พระเจ้าดำดิน” ชั้นบนสุดของดอยเป็นที่ประดิษฐานของเจดีย์ธาตุดอยเวียง และทุก ๆ ปีในวันแรม 8 ค่ำ เดือน 7 จะมีประเพณีสรงน้ำพระธาตุวัดนี้มีพระครูภาวนาพินิจเป็นเจ้าอาวาส
ท่านพระครูภาวนาพินิจ เป็นพระวิทยากรในการจัดค่ายนี้ เริ่มจากมีพิธีเปิดค่ายในเวลาประมาณ 10.00 น. พระวิทยากรจัดกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งตั้งกติการ่วมกับนักเรียนถึงการปฏิบัติตนในการอยู่ค่ายนี้ 2 วัน 1 คืน กิจกรรมหลักๆ ก็มี การนั่งสมาธิ การเดินจงกลม การฝึกสมาธิด้วยการนับลูกประคำ ฉายวิดีทัศน์เกี่ยวกับพระคุณพ่อแม่ นักเรียนหลายคนซาบซึ้งในพระคุณพ่อแม่ถึงกับร้องไห้ออกมาก็มี สำหรับอากาศ 2 วันนี้ก็ถือว่าหนาวพอสมควร แต่ก็สังเกตพบว่านักเรียนต่างให้ความร่วมมือกับพระวิทยากรในการทำกิจกรรมต่างๆ เป็นอย่างดี วันสุดท้ายท่านได้ให้พรและข้อคิดดีๆแก่พวกเรามากมาย และพวกเราต่างก็สัญญาว่า จะนำเอาความรู้ ประสบการณ์และแนวคิดที่ดีมากๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในโรงเรียนและในชีวิตประจำวันต่อไป .

ทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้ของนักเรียนชั้น ม.6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2552




ทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้ของนักเรียนชั้น ม.6 ณ งานพืชสวนโลก และ เวียงกุมกาม
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2552



โดย ครูเอ้




พวกเราออกเดินทางจากโรงเรียนบ้านแป้นพิทยาคม เวลาประมาณ 08.30 น. มุ่งหน้าสู่งานพืชสวนโลกหรือบริเวณจัดงานราชพฤกษ์ 2549 ต.แม่เหี๊ยะ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ โดยมีภาระงานที่ต้องทำคือ หาชื่อต้นไม้ จำนวนคนละ 10 ชนิด พร้อมทั้งบอกสรรพคุณต่างๆ ของพืชชนิดนั้นๆด้วย พวกเราก็แยกย้ายกันไปตามสวนประเทศต่างๆ ถ่ายรูปกันเยอะแยะมากมายหลายรูป แต่ก็ไม่ลืมที่จะหาชื่อพืชที่ครูสั่งให้ทำ พอได้เวลาพอสมควรก็ประมาณ 11.00น. เราก็ต้องเดินทางต่อไปเพื่อไปรับประทานอาหารกลางวัน ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล แอร์พอร์ต พลาซ่า และให้นักเรียนเดินช็อปปิ้งได้ ก็ถือว่าเป็นการศึกษาวิถีชีวิตอย่างหนึ่งของคนเชียงใหม่ พวกเราใช้เวลาที่นี่จนถึงเวลาประมาณ 13.30 น. พวกเราหลายคนไปรอที่รถแล้ว เพราะว่าเวลา 14.00 น. เราต้องเดินทางต่อไปยังเวียงกุมกาม
พวกเรามาถึงที่เวียงกุมกามประมาณ 14.30 น. ก่อนอื่นขอเล่าประวัติย่อๆ ของเวียงกุมกามพอสังเขปดังนี้ เวียงกุมกาม นครโบราณใต้ภิภพ เป็นเมืองโบราณ ที่พญามังราย (พ่อขุนเม็งราย) ทรงโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1829 โดยโปรดให้ขุดคูเวียงทั้ง 4 ด้าน ไขน้ำแม่ปิงให้ขังไว้ ในคูเมืองโบราณสถานที่ปรากฏอยู่ในเวียงกุมกามและใกล้เคียง เป็นเวียง (เมือง) ทดลองที่สร้างขึ้น ก่อนที่จะมาเป็นเมืองเชียงใหม่ ตั้งอยู่ที่ ตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีระยะห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 5 กิโลเมตรเวียงกุมกามล่มสลายลงเพราะเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ โดยช่วงเวลานี้อยู่ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2101 - 2317 ซึ่งตรงกับสมัยพม่าปกครองล้านนา พม่าปกครองล้านนาเป็นเวลาสองร้อยกว่าปี แต่ไม่ปรากฏหลักฐานที่กล่าวถึงเวียงกุมกามทั้งๆที่เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่นี้เป็นเรื่องร้ายแรงมากและสมควรที่จะบันทึกไว้ แต่ก็ไม่มีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ใดเลย ผลของการเกิดน้ำท่วมนี้ทำให้เวียงกุมกามถูกฝังจมลงอยู่ใต้ตะกอนดินจนยากที่จะฟื้นฟูกลับมา สภาพวัดต่างๆ และโบราณสถานที่สำคัญเหลือเพียงซากวิหารและเจดีย์ร้างที่จมอยู่ดินในระดับความลึกจากพื้นดินลงไปประมาณ 1.50 -2.00 เมตร โดยวัดที่จมดินลึกที่สุดคือวัดอีค่าง รองลงมาคือ วัดปู่เปี้ย และวัดกู่ป่าด้อม พวกเราจุดธูปเทียนสักการะพระพุทะรูปและสิ่งศักดิ์ต่างๆ พร้อมทั้งนั่งรถรางชมสิ่งปลูกสร้างภายในเวียงกุมกามพร้อมทั้งมีพี่มัคคุเทศก์อธิบายประวัติให้ฟังตลอดทาง เราก็ได้ความรู้และรับทราบถึงประวัติความเป็นมาอย่างละเอียดและก็ทำให้เราทราบว่า เมืองเล็กใกล้ๆ บ้านเราก็เป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว เวลาประมาณ 16.00 น. พวกเราก็เดินทางกลับโรงเรียนบ้านแป้นพิทยาคม โดยสวัสดิภาพ .

วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2553

ปฏิบัติหน้าที่ผู้กำกับเนตรนารีในการเข้าค่ายพักแรมเนตรนารี ประจำปีการศึกษา 2552


ทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้กับนักเรียนชั้น ม.6/3 ที่ จ.เชียงใหม่ วันที่ 20 พ.ย. 2552


ปฏิบัติหน้าที่ในด้านงานโสตทัศนศึกษา


รูปถ่ายกิจกรรมร่วมกับนักเรียน "สลากภัตร บ.พ."

วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2553

Tenses ที่สำคัญในวิชาภาษาอังกฤษ

Tense

Tense คือ รูปของคำกริยาที่บอกเวลาของการกระทำ ในภาษาอังกฤษการกระทำที่เกิดขึ้นในเวลาที่แตกต่างกันจะใช้รูปของคำกริยาที่แตกต่างกัน เช่น
1. I am playing football now. ( ฉันกำลังเล่นฟุตบอล )
2. I played football yesterday. ( ฉันเล่นฟุตบอลเมื่อวานนี้ )ในประโยคที่ 1 รูปของคำกริยาคือ am playing บอกให้รู้ว่าการเล่นฟุตบอลกำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูดประโยคนี้ออกมาในประโยคที่ 2 รูปของคำกริยาคือ played บอกให้รู้ว่าการเล่นฟุตบอลเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
1.2 ชนิดของ TenseTense แบ่งออกเป็น 3 ชนิดใหญ่ คือ
1. Present Tense ใช้กับการกระทำที่เป็นปัจจุบัน
2. Past Tense ใช้กับการกระทำที่เป็นอดีต
3. Future Tense ใช้กับการกระทำที่เป็นอนาคตแต่ละ Tense ใหญ่แบ่งออกเป็น 4 Tense ย่อย จึงมีทั้งหมด 12 Tense ดังนี้1.3 โครงสร้างของ Tenseทั้ง 12 Tense ย่อยมีโครงสร้างของประโยคดังนี้

Present Tense
1. Present Simple Tense S + V.1
2. Present Progressive Tense S + is ,am , are + V.1 เติม ing
3. Present Perfect Tense S + have , has + V.3
4. Present Perfect Progressive Tense S + have , has + been + V.1 เติม ing

Past Tense
1. Past Simple Tense S + V.2
2. Past Progressive Tense S + was , were + V.1 เติม ing
3. Past Perfect Tense S + had + V.3
4. Past Perfect Progressive Tense S + had + been + V.1 เติม ing

Future Tense
1. Future Simple Tense S + will , shall +V.1
2. Future Progressive Tense S + will, shall + be + V.1 เติม ing
3. Future Perfect Tense S + will , shall + have , has + V.3
4. Future Perfect Progressive Tense S +will , shall + have + been + V.1 เติม ing

Present Simple Tense


เมื่อต้องการแต่งประโยคใน Present Simple Tense ให้มีความหมายเชิงคำถาม ทำได้ด้วยการนำ do หรือ does มาวางไว้หน้าประโยค และตอบด้วย Yes หรือ No ซึ่งมีโครงสร้างของประโยคดังนี้ โครงสร้าง: Do / Does + Subject + Verb 1? (Do / Does + ประธาน + กริยาช่องที่ 1) ตัวอย่าง: 1. Does he walk to school? (เขาเดินไปโรงเรียนใช่หรือไม่)-Yes, he does. (ใช่ เขาเดินไปโรงเรียน) /No, he doesn’t. ( ไม่ใช่ เขาไม่ได้เดินไปโรงเรียน )
ประโยค Present Simple Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยคใน Present Simple Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธ ทำได้ด้วยการใช้ Verb to do มาช่วย มีหลักการใช้ดังนี้ do ใช้กับประธานพหูพจน์ และ I กับ youdoes ใช้กับประธานเอกพจน์ ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้โครงสร้าง: Subject + do / does + not + Verb 1 (ประธาน + do / does + not + กริยาช่องที่ 1)ตัวอย่าง: 1. I do not (don’t) go to school by car. (ฉันไม่ไปโรงเรียนโดยรถยนต์)2. He does not (doesn’t) walk to school. (เขาไม่เดินไปโรงเรียน)

หลักการใช้ Present Simple Tense
1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เป็นความจริงตลอดไปหรือเป็นความจริงตามธรรมชาติ เช่น 1. The sun rises in the east.( พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก )2. Fire is hot. (ไฟร้อน)




Present Progressive Tense

ประโยค Present Progressive Tense เชิงบอกเล่าโครงสร้าง: Subject + is, am, are + Verb 1 ing.
(ประธาน + is, am, are + กริยาช่อง 1 เติม ing.) ตัวอย่าง:
1. Somchai is sleeping. (สมชายกำลังนอนหลับ)
2. I am playing football. (ฉัน กำลังเล่น ฟุตบอล)

ประโยค Present Progressive Tense เชิงคำถามและการตอบ

เมื่อต้องการแต่งประโยค Present Progressive Tense ให้มีความหมาย เชิงคำถามให้นำ Verb to be มาวางไว้หน้าประโยค และตอบด้วย Yes หรือ No ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้โครงสร้าง: Is, Am, Are + Subject + Verb 1 ing. ? (Is, Am, Are +ประธาน + V.1 เติม ing?) ตัวอย่าง: 1. Is Somchai sleeping? (สมชายกำลังนอนหลับใช่หรือไม่) -Yes, he is. (ใช่ เขากำลังนอนหลับ) / No, he isn’t. (ไม่เขาไม่ได้กำลังนอนหลับ)
หลักการใช้ Present Progressive Tense
1. ใช้กับการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูด เช่น
1.1 I am studying English. (ฉันกำลังเรียนภาษาอังกฤษ)
1.2 Somchai is sleeping. (สมชายกำลังนอนหลับ)
1.3 They are watching TV. (พวกเขากำลังดูโทรทัศน์)


Present Perfect Tense

ประโยค Present Perfect Tense เชิงบอกเล่า
( ประธาน + have , has + กริยาช่อง 3 ) ตัวอย่าง :
1. I have studied English for 5 years.( ฉันเรียนภาษาอังกฤษมา 5 ปีแล้ว )
2. He has lived in Bangkok since 1990.( เขาอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 )
ประโยค Present Perfect Tense เชิงปฏิเสธเมื่อต้องการแต่งประโยค Present Perfect Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not หลัง Verb to have ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้
( ประธาน + have , has + not + กริยาช่อง 3 )
ตัวอย่าง :
1. I have not studied English for 5 years.( ฉันเรียนภาษาอังกฤษมาไม่ถึง 5 ปี )
2. He has not lived in Bangkok since 1990.( เขาไม่ได้อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 )

ประโยค Present Perfect Tense เชิงคำถามและการตอบเมื่อต้องการแต่งประโยค Present Perfect Tense ให้มีความหมาย เชิงคำถามให้นำ Verb to have มาวางไว้หน้าประโยค และตอบด้วย Yes หรือ No ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้
(Have, Has + ประธาน + กริยาช่อง 3 ? ) ตัวอย่าง :
1.Have you studied English for 5 years ?( คุณเรียนภาษาอังกฤษมา 5 ปีแล้วใช่หรือไม่ )-Yes, I have. ( ใช่ ฉันเรียนภาษาอังกฤษมา 5 ปีแล้ว )-No, I haven’t. ( ไม่ ฉันเรียนภาษาอังกฤษมาไม่ถึง 5 ปี )
2. Has he lived in Bangkok since 1990 ?( เขาอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 ใช่หรือไม่ )-Yes, he has. (ใช่ เขาอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1990 )-No, he hasn’t. ( ไม่ เขาไม่ได้อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 )

หลักการใช้ Present Perfect Tense

1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต และเหตุการณ์นั้นยังคงต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เช่นSomchai has studied English for 5 years. ( สมชายเรียนภาษาอังกฤษมา 5 ปีแล้ว ขณะนี้ก็ยังเรียนอยู่ ) I have worked in this company since 1990. ( ฉันทำงานในบริษัทนี้ตั้งแต่ปี 1990 ขณะนี้ก็ยังทำอยู่ ) 2. ใช้กับเหตุการณ์ที่เคยหรือไม่เคยทำในอดีต ซึ่งมิได้บ่งบอกเวลาที่แน่นอนเอาไว้ และมักจะมีคำวิเศษณ์ คือ ever, never, once, twice มาใช้ร่วมเสมอ เช่น- I have never seen him before. ( ฉันไม่เคยเห็นเข้ามาก่อน )- Have you ever been abroad ?( คุณเคยไปต่างประเทศหรือเปล่า )- She has been to Bangkok twice. ( หล่อนเคยไปกรุงเทพฯ 2 ครั้ง )

Present Perfect Continuous Tense

ประโยค Present Perfect Progressive Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง: Subject + have, has + been + V.1 ing(ประธาน + have, has + been + V.1 เติม ing) ตัวอย่าง:
1. He has been speaking for 3 hours. (เขาพูดมา 3 ชั่วโมงแล้ว)

ประโยค Present Perfect Progressive Tense เชิงคำถามและการตอบ

เมื่อต้องการแต่งประโยค Present Perfect Progressive Tense ให้มีความหมาย เชิงคำถามให้นำ Verb to have มาวางไว้หน้าประโยค และตอบด้วย Yes หรือ No ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้โครงสร้าง: Have, has + Subject +been + Verb 1 ing?(Have, Has + ประธาน + been + กริยาช่อง 1 เติม ing?)ตัวอย่าง: 1. Has he been speaking for 3 hours? (เขาพูดมาตลอด 3 ชั่วโมงใช่หรือไม่)-Yes, he has. (ใช่ เขาพูดมาตลอด 3 ชั่วโมง) /No, he hasn’t. (ไม่ เขาพูดมาไม่ถึง 3 ชั่วโมง)

ประโยค Present Perfect Progressive Tense เชิงปฏิเสธ

เมื่อต้องการแต่งประโยค Present Perfect Progressive Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not หลัง Verb to have ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้โครงสร้าง: Subject + have, has + not + been + Verb 1 ing (ประธาน+have, has + not + been+ กริยาช่อง 1 เติม ing)ตัวอย่าง:
1. He has not been speaking for 3 hours. (เขาพูดมาไม่ถึง 3 ชั่วโมง)

หลักการใช้ Present Perfect Progressive Tense

1. ใช้กับการกระทำหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และจะดำเนินต่อไปอีกในอนาคต (Present Perfect Progressive Tense ใช้เหมือน Present Perfect Tense ต่างกันแต่เพียงว่า Present Perfect Progressive Tense เน้นความต่อเนื่องไปถึงอนาคต)


Past Simple Tense

หลักการใช้ Past Simple Tense

ใช้เมื่อการกระทำ และสถานภาพ นั้นเกิดขึ้นในอดีตและสิ้นสุดลงแล้วในอดีตI went to Bangkok yesterday.I played football 2 years ago.
ประโยคปฏิเสธและประโยคคำถามมีกริยาช่วยที่ใช้คือและกริยาแท้ต้องกลับมาเป็นกริยาช่องที่ 1I did not go to Bangkok yesterday.Did you go To Bangkok yesterday?
คำแสดง Past Simple Tenseมีดังนี้ ago, last week, last month, last year, yesterday , last night a long time , the day before yesterday

หมายเหตุ

กริยาที่เปลี่ยนจากช่องที่ 1 เป็นช่องที่ 2โดยการเติม "ed"เราเรียกว่ากริยาปกติ(regular verbs)ส่วนกริยาอปกติ(Irregular Verbs) คือกริยาที่มีการเปลี่ยนรูปหลักการเติม-ed ที่กริยา
1.เติมedในกริยาช่องที่ 1open-opened check-checked
2.ถ้ากริยาช่องที่1ลงท้ายด้วย e อยู่แล้วให้เติมเพียง dlike-likedlove-loved
3.ถ้ากริยาช่องที่ 1ลงท้ายด้วย y ให้เปลี่ยน yเป็น iแล้วเติมedtry-triedcarry-carried
4.ถ้ากริยาช่องที่ 1ลงท้ายด้วยy แต่หน้า yเป็นสระ ให้เติม ed ได้ทันทีplay-playedstay-stayed
5. ถ้ากริยาช่องที่ 1มีพยางค์เดียว มีสระตัวเดียว ลงท้ายด้วยพยัญชนะตัวเดียวให้เพิ่มพยัญชนะอีก 1ตัวก่อนเติมedfit-fittedbeg-begged6. ถ้ากริยาช่องที่ 1 มี 2 พยางค์ ถ้าเสียงหนักที่พยางค์หลังที่มีสระและพยัญชนะตัวเดียวให้เพิ่มพยัญชนะอีก 1 ตัว ก่อนเติมedadmit-admittedprefer-preferredถ้าเสียงหนักที่พยางค์หน้าเติม ed ได้เลยlimit-limitedoffer-offered


Past Continuous Tense

ประโยค Past Progressive Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง: Subject + was, were + V.1 ing (ประธาน + was, were + กริยาช่องที่ 1 เติม ing) ตัวอย่าง:
1. I was playing football at 4 pm. yesterday. (ฉันกำลังเล่นฟุตบอลตอน 4 โมงเย็นเมื่อวานนี้)
2. She was watching TV at 6 pm. yesterday.
(หล่อนกำลังดูโทรทัศน์ตอน 6 โมงเย็นเมื่อวานนี้)

ประโยค Past Progressive Tense เชิงคำถามและการตอบ

เมื่อต้องการแต่งประโยค Past Progressive Tense ให้มีความหมาย เชิงคำถามให้นำ Verb to be มาวางไว้หน้าประโยคและตอบด้วย Yes หรือ No ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้โครงสร้าง: Was, were + Subject + Verb 1 ing?(Was, Were + ประธาน + กริยาช่อง 1 เติม ing?) ตัวอย่าง: 1. Was she watching TV at 6 pm. yesterday?(หล่อนกำลังดูโทรทัศน์ตอน 6 โมงเย็นวานนี้ใช่หรือไม่)- Yes, she was. (ใช่หล่อนกำลังดูโทรทัศน์) /No, she wasn’t (ไม่หล่อนไม่ได้กำลังดูโทรทัศน์)

ประโยค Past Progressive Tense เชิงปฏิเสธ

เมื่อต้องการแต่งประโยค Past Progressive Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้นำ not มาเติมหลัง Verb to be ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้โครงสร้าง: Subject + was, were + not + Verb1 ing. (ประธาน + was, were + not + กริยาช่องที่ 1 เติม ing) ตัวอย่าง:
1. I was not (wasn’t) playing football at 4 pm. yesterday. (ฉันกำลังเล่นฟุตบอลตอน 4 โมงเย็นวานนี้) 2. She was not watching TV at 6 pm. yesterday. (หล่อนกำลังดูโทรทัศน์ตอน 6 โมงเย็นเมื่อวานนี้)

หลักการใช้ Past Progressive Tense

1. ใช้กับเหตุการณ์ทีกำลังเกิดขึ้น ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่งในอดีตตามที่ระบุไว้อย่างชัดเจน เช่น - I was cleaning my room at 9 o’clock yesterday. (ฉันกำลังทำความสะอาดห้องตอน 9 โมงเมื่อวานนี้) - They were reading newspaper at 8 o’clock yesterday. (เขากำลังอ่านหนังสือพิมพ์ตอน 8 โมงเมื่อวานนี้)


Past Perfect Tense

โครงสร้าง = had + กริยาช่อง 3

1.ใช้คู่กับ past simple ใน 2 เหตุการณ์อดีต คือ เหตุการณ์หนึ่งเกิดก่อนและเสร็จเรียบร้อยแล้วในอดีตใช้ past perfectถ้ากำลังดำเนินอยู่ใช้ past continuous ดังกล่าวมาแล้ว และมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นภายหลังใช้ past simple tense สังเกตจากตัวเชื่อม before, after, when เช่น
-The results of the final examination were better than he had expected
-My teacher arrived after I had waited for ten minutes
-The dog had killed the cat before we could save it.
-I had heard nothing of what happened until you told me.

2.ใช้แทน present perfect ในการเปลี่ยน direct speech ให้เป็น indirect speech เช่น
-Tom said , "I have finished my work." =Tom said that he had finished his work.

3.ใช้กับ if-clause แบบ3คือ if-clause เป็น past perfect ,main - clause เป็น future perfect in the past เช่น -I could have lent you some money if I hadn't spent everything.


Past Perfect Continuous Tense


ประโยค Past Perfect Progressive Tense เชิงบอกเล่า

โครงสร้าง: Subject + had + been + V.1 ing (ประธาน + had + been + กริยาช่อง 1 เติม ing) ตัวอย่าง:
1. They had been playing football for three hours.(เขาทั้งหลายได้เล่นฟุตบอลโดยไม่หยุดมา3 ชั่วโมงแล้ว)
2. It had been raining for five hours.(ฝนได้ตกโดยไม่หยุดมาเป็นเวลา 5 ชั่วโมงแล้ว)

ประโยค Past Perfect Progressive Tense เชิงเชิงคำถามและการตอบ

เมื่อต้องการแต่งประโยค Past Perfect Progressive Tense ให้มีความหมาย เชิงคำถาม ให้นำ Verb to have มาวางไว้หน้าประโยค และตอบด้วย Yes หรือ No ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้โครงสร้าง: Had + Subject + been + Verb 1 ing? (Had + ประธาน + been + กริยาช่อง 1 เติม ing?)ตัวอย่าง: 1. Has they been playing football for three hours?(เขาทั้งหลายได้เล่นฟุตบอลมาตลอด 3 ชั่วโมงใช่หรือไม่)-Yes, they had. (ใช่ เขาทั้งหลายเล่นมา 3 ชั่วโมงแล้ว) / No, they hadn’t. (ไม่ เขาทั้งหลายเล่นมาไม่ถึง )

ประโยค Past Perfect Progressive Tense เชิงปฏิเสธ

เมื่อต้องการแต่งประโยค Past Perfect Progressive Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not หลัง Verb to have ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้โครงสร้าง: Subject + had + not + been + V.1 ing (ประธาน + had + not + been + กริยาช่อง 1 เติม ing ) ตัวอย่าง:
1. They had not (hadn’t) been playing football for three hours.(เขาทั้งหลายเล่นฟุตบอลมาไม่ถึง 3 ชั่วโมง) หลักการใช้ Past Perfect Progressive Tense

1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำ 2 อย่างที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีตและสิ้นสุดลงไปแล้วทั้ง 2 เหตุการณ์ ดังนี้ - เหตุการณ์ใดเกิดก่อนใช้ Past Perfect Progressive Tense- เหตุการณ์ใดเกิดหลังใช้ Past Simple Tense เช่น1. He had been sleeping for 30 minutes before we woke him up.(เขาได้นอนหลับมา 30 นาทีก่อนที่เราจะปลุกเขา)

Future Simple Tense

ประโยค Future Perfect Progressive Tense เชิงบอกเล่า โครงสร้าง: Subject + will, shall + have + been + V.1 ing (ประธาน+ will shall +have +been + กริยาช่อง 1 เติม ing) ตัวอย่าง: 1. She will have been playing tennis. (หล่อนคงจะเล่นเทนนิสอยู่)2. They will have been cooking. (เขาทั้งหลายคงจะทำอาหารอยู่)
ประโยค Future Simple Tense เชิงเชิงคำถามและการตอบ

เมื่อต้องการแต่งประโยค Future Simple Tense ให้มีความหมาย เชิงคำถามให้นำ will หรือ shall มาวางไว้หน้าประโยค และตอบด้วย Yes หรือ No ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้โครงสร้าง: Will, Shall + Subject + verb 1? (Will, Shall + ประธาน + กริยาช่อง 1?)ตัวอย่าง: 1. Shall you go to Chiang mai tomorrow? (คุณจะไปเชียงใหม่วันพรุ่งนี้ใช่หรือไม่) - Yes, I shall. (ใช่ฉันจะไป) / No, I shan’t. (ไม่ฉันจะไม่ไป)
ประโยค Future Simple Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยค Future Simple Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not หลัง will หรือ shall ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้โครงสร้าง: Subject + will, shall + not + V.1 (ประธาน + will, shall + not + กริยาช่อง 1)
ตัวอย่าง:
1. I shall not (shan’t) go to Chiang mai tomorrow. (ฉันจะไม่ไปเชียงใหม่วันพรุ่งนี้)

หลักการใช้ Future Simple Tense

1. ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น - My father will go to America next month. (พ่อของฉันจะไปอเมริกาเดือนหน้า)- I shall play football tomorrow afternoon. (ฉันจะเล่นฟุตบอลบ่ายวันพรุ่งนี้)


Future continuous Tense


ประโยค Future Progressive Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง: Subject + will, shall + be + V.1 ing (ประธาน + will, shall + be + กริยาช่อง 1 เติม ing)
ตัวอย่าง:
1. She will be playing tennis.( หล่อนจะกำลังเล่นเทนนิสอยู่ )
2. They will be cooking.( เขาทั้งหลายจะกำลังทำอาหารอยู่ )

ประโยค Future Progressive Tense เชิงเชิงคำถามและการตอบ

เมื่อต้องการแต่งประโยค Future Progressive Tense ให้มีความหมาย เชิงคำถามให้นำ will หรือ shall มาวางไว้หน้าประโยค และตอบด้วย Yes หรือ No ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้โครงสร้าง: Will, Shall + Subject + be + verb 1 ing?(Will, Shall + ประธาน + be + กริยาช่อง 1 เติม ing?) ตัวอย่าง:
1. Will she be playing tennis? (หล่อนจะกำลังเล่นเทนนิสอยู่ใช่หรือไม่)- Yes, she will. (ใช่ หล่อนจะเล่นอยู่) /No, she won’t. (ไม่ หล่อนจะไม่เล่นอยู่)

ประโยค Future Progressive Tense เชิงปฏิเสธ

เมื่อต้องการแต่งประโยค Future Progressive Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not หลัง will หรือ shall ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้โครงสร้าง: Subject + will, shall + not + be + V.1 ing (ประธาน + will, shall + not + be + กริยาช่อง 1 เติม ing)ตัวอย่าง:
1. She will not (won’t) be playing tennis. (หล่อนจะไม่กำลังเล่นเทนนิสอยู่)

หลักการใช้ Future Progressive Tense

1. ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่จะเกิดขึ้นก่อนหลังกันในอนาคต ดังนี้- เหตุการณ์ใดเกิดก่อนใช้ Future Progressive Tense - เหตุการณ์ใดเกิดทีหลังใช้ Present Simple Tense เช่น 1. He will be reading when I visit him. (เขาจะอ่านหนังสืออยู่เมื่อผมไปเยี่ยมเขา)


Future Perfect Tense


ประโยค Future Perfect Tense เชิงบอกเล่า โครงสร้าง: Subject + will, shall + have + V.3 (ประธาน + will, shall + have + กริยาช่อง 3)ตัวอย่าง:
1. She will have gone. (หล่อนคงจะไปแล้ว)
2. They will have cooked. (เขาทั้งหลายคงจะทำอาหารแล้ว)

ประโยค Future Perfect Tense เชิงเชิงคำถามและการตอบ

เมื่อต้องการแต่งประโยค Future Perfect Tense ให้มีความหมาย เชิงคำถามให้นำ will หรือ shall มาวางไว้หน้าประโยค และตอบด้วย Yes หรือ No ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้โครงสร้าง: Will, Shall + Subject + have + verb 3? (Will, Shall + ประธาน + have + กริยาช่อง 3?)ตัวอย่าง:
1. Will she have gone? (หล่อนคงจะไปแล้ว ใช่หรือไม่)- Yes, she will. (ใช่ หล่อนคงจะไปแล้ว) /No, she won't. (ไม่ หล่อนคงจะไม่ไป)
2. Will they have cooked? (เขาทั้งหลายคงจะทำอาหารแล้วใช่หรือไม่)- Yes, they will. (ใช่ เขาทั้งหลายคงจะทำแล้ว) /No, they won’t. (ไม่ เขาทั้งหลายคงจะไม่ทำ)

ประโยค Future Perfect Tense เชิงปฏิเสธ

เมื่อต้องการแต่งประโยค Future Perfect Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not หลัง will หรือ shall ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้โครงสร้าง: Subject + will, shall + not + have + V.3 (ประธาน + will, shall + not + have + กริยาช่อง 3)ตัวอย่าง:
1. She will not (won’t) have gone. (หล่อนคงจะไม่ไปแล้ว)

หลักการใช้ Future Perfect Tense

ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่จะเกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอนาคต ดังนี้- เหตุการณ์ใดเกิดก่อนใช้ Future Perfect Tense - เหตุการณ์ใดเกิดทีหลังใช้ Present Simple Tense เช่น
1. The film will have started before we reach the theater.(ภาพยนตร์คงจะเริ่มฉายก่อนที่พวกเราจะไปถึง)


Future Perfect Continuous Tense


ประโยค Future Perfect Progressive Tense เชิงบอกเล่า โครงสร้าง: Subject + will, shall + have + been + V.1 ing (ประธาน+ will shall +have +been + กริยาช่อง 1 เติม ing) ตัวอย่าง:
1. She will have been playing tennis. (หล่อนคงจะเล่นเทนนิสอยู่)
2. They will have been cooking. (เขาทั้งหลายคงจะทำอาหารอยู่)

ประโยค Future Perfect Progressive Tense เชิงเชิงคำถามและการตอบ

เมื่อต้องการแต่งประโยค Future Perfect Progressive Tense ให้มีความหมาย เชิงคำถามให้นำ will หรือ shall มาวางไว้หน้าประโยคและตอบด้วย Yes หรือ No ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้โครงสร้าง: Will, Shall + Subject + have + been + V.1 ing? (Will, Shall +ประธาน + have + been + กริยาช่อง1 เติม ing)

ตัวอย่าง:
1. Will she have been playing tennis ?( หล่อนคงจะเล่นเทนนิสอยู่ใช่หรือไม่ )
- Yes, she will. (ใช่ หล่อนคงจะเล่นอยู่) /
- No, she won’t. (ไม่ หล่อนคงจะไม่เล่นอยู่)


ประโยค Future Perfect Progressive Tense เชิงปฏิเสธ

เมื่อต้องการแต่งประโยค Future Perfect Progressive Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not+ หลัง will หรือ shall ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้โครงสร้าง: Subject + will, shall + not +have + been +V.1 ing (ประธาน + will, shall + not + have + been + กริยาช่อง 1 เติม ing) ตัวอย่าง:
1. She will not (won’t) have been playing tennis. (หล่อนคงจะไม่เล่นเทนนิสอยู่)

หลักการใช้ Future Perfect Progressive Tense

ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่จะเกิดขึ้นก่อนหลังกันในอนาคตแต่เน้นความต่อเนื่องของการกระทำ ดังนี้ - เหตุการณ์ใดเกิดก่อนใช้ Future Perfect Progressive Tense - เหตุการณ์ใดเกิดทีหลังใช้ Present Simple Tense
เช่น
1. He will have been reading for two hours when I visit him.
(เขาคงจะอ่านหนังสืออยู่เป็นเวลา 2 ชั่วโมงแล้ว เมื่อผมไปเยี่ยมเขา)


หากนักเรียนมีข้อสงสัย สามารถติดต่อครูได้ที่อีเมล์ theminthong@gmail.com นะครับ



กิจกรรมของกลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ บ้านแป้นพิทยาคมปี 2552

สรุปผลการจัดกิจกรรมกลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ

ปีการศึกษา 2552



การอบรม / สัมมนา / ประชุมปฏิบัติการ


การประชุมเชิงปฏิบัติการการนำหลักสูตรแกนกลาง 2551 และกระบวนการ Backward Design
( ภาษาอังกฤษ) สู่การปฏิบัติ ณ ห้องประชุมศรีย้อย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาลำพูนเขต 1 อ.เมือง จ.ลำพูน 30 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม 2552
นายศราวุฒิ มินธง
นายนิวัติ มาเป็ง
นางพิศสมัย สารพันธ์
นางสาวรสสุคนธ์ ชัยศรีมา
นายชลากร เพ็ญสิทธิ์

การอบรมครูผู้สอนภาษาอังกฤษ ระดับมัธยมศึกษา จังหวัดลำพูน เพื่อยกระดับผลสัมฤทธ์ทางการเรียนของนักเรียน ณ ห้องโสตทัศนศึกษา 3 โรงเรียนส่วนบุญโญปถัมภ์ลำพูน 10 กรกฎาคม 2552
นายศราวุฒิ มินธง

การอบรมเชิงปฏิบัติการสร้างสื่อการเรียนรู้ด้วยโปรแกรม Captivate ณ ห้องคอมพิวเตอร์ โรงเรียนป่าซาง อ.ป่าซาง จ.ลำพูน 17-18 สิงหาคม 2552 16 นายศราวุฒิ มินธง
นางพิศสมัย สารพันธ์

การประเมินความรู้ครูภาษาอังกฤษระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ปีงบประมาณ 2552 โดยสอบพร้อมกันทั่วประเทศ 1 สิงหาคม 2552 - นายศราวุฒิ มินธง
นายนิวัติ มาเป็ง
นางพิศสมัย สารพันธ์
นางสาวรสสุคนธ์ ชัยศรีมา


การจัดกิจกรรมเข้าค่ายกลางวันภาษาอังกฤษแบบไป-กลับ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
จัดโดย ศูนย์พัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ( ERIC) ณ โรงเรียนส่วนบุญโญปถัมภ์ลำพูน
อ.เมือง จ.ลำพูน 20-21 มิถุนายน 2552 - นายศราวุฒิ มินธง
พร้อมด้วยนักเรียนจำนวน 5 คน

การแข่งขันสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ( NJ Spelling Bee 2009) ณ หอประชุมใหญ่ ชั้น 2 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
มหาวิทยาลัยนอร์ท – เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 8 สิงหาคม 2552 - นายศราวุฒิ มินธง
นายนิวัติ มา เป็ง
พร้อมด้วยนักเรียน จำนวน 7 คน




กลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ จัดให้มีการแข่งขันเกมส์ Hangman ทั้งในระดับชั้น ม. ต้น และ ม.ปลาย เพื่อสร้างความตระหนักในการเรียนภาษาอังกฤษและสร้างเจตคติที่ดีต่อวิชาภาษาอังกฤษ


การประชุมเชิงปฏิบัติการการนำหลักสูตรแกนกลาง 2551 และกระบวนการ Backward Design ( ภาษาอังกฤษ) สู่การปฏิบัติ ณ ห้องประชุมศรีย้อย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาลำพูนเขต 1 อ.เมือง จ.ลำพูน





กิจกรรมของนักเรียน


การจัดกิจกรรมเข้าค่ายกลางวันภาษาอังกฤษแบบไป-กลับ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
จัดโดย ศูนย์พัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ( ERIC)
ณ โรงเรียนส่วนบุญโญปถัมภ์ลำพูน อ.เมือง จ.ลำพูน
วันที่ 20 - 21 มิถุนายน 2552



การประชุมเชิงปฏิบัติการการนำหลักสูตรแกนกลาง 2551 และกระบวนการ Backward Design
( ภาษาอังกฤษ) สู่การปฏิบัติ ณ ห้องประชุมศรีย้อย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาลำพูนเขต 1 อ.เมือง จ.ลำพูน 30 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม 2552 16 นายศราวุฒิ มินธง
นายนิวัติ มาเป็ง
นางพิศสมัย สารพันธ์
นางสาวรสสุคนธ์ ชัยศรีมา
นายชลากร เพ็ญสิทธิ์


การอบรมครูผู้สอนภาษาอังกฤษ ระดับมัธยมศึกษา จังหวัดลำพูน เพื่อยกระดับผลสัมฤทธ์ทางการเรียนของนักเรียน ณ ห้องโสตทัศนศึกษา 3 โรงเรียนส่วนบุญโญปถัมภ์ลำพูน 10 กรกฎาคม 2552 8 นายศราวุฒิ มินธง
การอบรมเชิงปฏิบัติการสร้างสื่อการเรียนรู้ด้วยโปรแกรม Captivate ณ ห้องคอมพิวเตอร์ โรงเรียนป่าซาง อ.ป่าซาง จ.ลำพูน 17-18 สิงหาคม 2552
นายศราวุฒิ มินธง
นางพิศสมัย สารพันธ์


การประเมินความรู้ครูภาษาอังกฤษระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ปีงบประมาณ 2552 โดยสอบพร้อมกันทั่วประเทศ 1 สิงหาคม 2552
นายศราวุฒิ มินธง
นายนิวัติ มาเป็ง
นางพิศสมัย สารพันธ์
นางสาวรสสุคนธ์ ชัยศรีมา





การจัดกิจกรรมเข้าค่ายกลางวันภาษาอังกฤษแบบไป-กลับ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
จัดโดย ศูนย์พัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ( ERIC) ณ โรงเรียนส่วนบุญโญปถัมภ์ลำพูน
อ.เมือง จ.ลำพูน 20-21 มิถุนายน 2552 - นายศราวุฒิ มินธง
พร้อมด้วยนักเรียนจำนวน 5 คน


การแข่งขันสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ( NJ Spelling Bee 2009) ณ หอประชุมใหญ่ ชั้น 2 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
มหาวิทยาลัยนอร์ท – เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 8 สิงหาคม 2552 - นายศราวุฒิ มินธง
นายนิวัติ มา เป็ง
พร้อมด้วยนักเรียน จำนวน 7 คน






วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2553

เทคนิคการสอบสัมภาษณ์

การเตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์มีคำกว่าว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ดังนั้นเอง เราจะต้องเตรียมหาข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัย คณะที่เราจะเลือก รวมไปถึงความรู้รอบตัวทั่วไปที่เกี่ยวกับสาขาวิชานั้นๆ
- การแต่งกายอันนี้เป็นสิ่งที่เรามองข้ามไปไม่ได้เลย เราควรจะต้องแต่งตัวให้ถูกระเบียบทุกประการ เสื้อผ้าไม่จำเป็นต้องใหม่แต่ต้องสะอาด ไม่ยับยู่ยี่ สำหรับผู้ชายวันนั้นขอแนะนำให้ตัดผมสั้นหน่อยก็ดี ผู้หญิงก็มัดรวบผมให้เรียบร้อย ไม่จำเป็นต้องวงเเว็กซ์ขัดเงาต่างๆ สำหรับน้องผู้หญิงพวกเครื่องประดับ สร้อยแหวน ข้อมือ ต่างเป็นไปได้ถอดให้หมด น้ำหอมก็ใส่แต่พองาม ใส่มากไปจากหอมจะกลายเป็นฉุน สำหรับเรื่องแต่งหน้าปะแป้งธรรมดาก็ไป ไม่ต้องเขียนขนตา ทาปากเหมือนกับไปเที่ยวสยามนะครับอิอิ
ควรเตรียมอะไรไปบ้างเราควรจะเตรียมเอกสารทั้งหมดก่อนวันสัมภาษณ์นะครับ ไม่ใช่ไปเตรียมตอนรุ่งเช้าแบบนี้จะยุ่งมากทำให้เราไปสายได้ การเตรียมเอกสารก็ควรหาเเฟ้มที่มีหลายช่องเพื่อจะได้แยกเอกสารแต่ละชนิด จะได้หาได้ง่ายเวลานำออกมาใช้ รูปถ่าย gpa หลักฐานต่างๆ รวมทั้ง ปากกาและก็ที่ลบคำผิด จะได้ไม่ต้องยืมคนอื่นเหมือนตอนอยู่โรงเรียนนะ 555

- คืนก่อนสัมภาษณ์ก็ตามสูตร ดื่มวีต้าแล้วไปนอนซะแล้วก็รีบนอน ( หลายคนระวังตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ก็พยายามนับเเกะเอานะครับ ) โดยพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจี๊ดจ๊าดต่างๆ ตั้งแต่ก่อนวันสัมภาษณ์ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาโจรโผกผ้าเหลืองบุก ( ท้องเสีย) ถ้ามีสัมภาษณ์ตอนประมาณช่วงเช้ายังไงก็ควรกินอาหารเช้าด้วยนะครับเพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้องและเลี่ยงปัญญาท้องร้องตอนสัมภาษณ์ = = สำหรับอาหารก็ควรทานอาหารจำพวกย่อยง่าย เช่นโจ๊ก งดอาหารพวกนมและของมันและครื่องดื่มจำพวกน้ำอัดลมเพราะจะทำให้ท้องอืดและมีอาการเรอได้ และควรเขี้ยวอาหารให้ระเอียด (ท่าทางจะแนะนำอาหารละเอียดเกินไป)

- เดินทางไปถึงที่สัมภาษณ์ ต้องหาข้อมูลให้ชัดเจน และต้องแน่ใจว่าเขานัดสัมภาษณ์ที่ใด ถ้าไม่แน่ใจให้เดินทาง ไปดูล่วงหน้าก่อน แต่ที่ดีที่สุดควรเดินทางไปถึงที่สัมภาษณ์ล่วงหน้าประมาณสัก 15 นาที จะทำให้เรามีสมาธิ และมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น แต่ถ้าไปถึงล่วงหน้าเป็นชั่วโมง ก็ดีแต่อาจจะทำให้คุณรอนานอาจเกิดความหงุดหงิด เสียสมาธิได้ และควรไปคนเดียว ถ้าไม่จำเป็นอย่าพาผู้อื่นไปด้วยเยอะจะทำให้เราพะวง เห็นหลายคนยังไปปิกนิกเล่นพามาทั้งครอบครัว กำลังใจเพียบ 5555 ครอบครัวเรามันช่างอบอุ่นอะไรเช่นนี้ อ๋อแล้วอีกอย่างผู้ติดตามก็ควรแต่งกายสุภาพด้วยนะครับ

- นั่งรอสัมภาษณ์ช่วงก็พยายามทำใจให้สบาย นึกถึกพ่อเเก้วแม่เเก้วไว้ อย่าทำหน้าเหมือนไม่ได้อึมาหลายวันหละ และก็ควรจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ด้วยการทบทวนความรู้รอบตัวต่างๆ ถ้าได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ก็ควรพูดคุยด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มสดใส อ๋อระหว่างนั่งรอก็นั่งให้มันเรียบร้อยหน่อยครับ อย่ากระดิกเท้า นั่งถ่างขา นั่งยืดขา แคะขี้มูกด้วย 555 อ๋อก่อนเข้าห้องอย่าลืมปิดมือถือให้เรียบร้อย = =
เมื่อถูกเรียกตัวเข้าสัมภาษณ์ก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์ลองหายใจลึก ๆ แต่อย่ามากอาจหน้ามืดก่อน (และก็ควรบอกกับตัวเอง เรายอด เราเยี่ยม เราทำได้ สร้างขวัญและกำลังใจ ห้ามคิดเด็ดขาดว่าตัวเองจะทำไม่ได้ ok ) และก็เดินลุกอย่างสง่างามเขาไปที่สัมภาษณ์ ถ้ามีประตูควร เคาะ ประตู เสียก่อน ตามมารยาท ยกมือวันทาด้วยท่าทางสุภาพ ควรไหว้ประธานหรือผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดเพียงผู้เดียวถ้านั่งอยู่หลายคน โดยทั่วไปมัก นั่ง ตรงกลาง เรื่องนี้ ใช้ไหวพริบเองก็แล้วกัน อย่าเพิ่งนั่งจนกว่าจะได้รับอนุญาต หรือ คำเชิญจากผู้สัมภาษณ์ แต่ถ้ารู้สึกว่าลมมันเย็นหรือยืนนานเกินไปแล้วผมว่าเราอนุญาตนั่งก็ได้ กล่าวขอบคุณครับ แล้วเราก็นั่งให้หัวใจเต้นเบาลง ตั้งสติก่อนสตารท์เอ๋ยก่อนสัมภาษณ์ พอนั่งแล้วก็จัดวางตัวเองอยู่ในที่เรียบร้อย หลังห้ามงอ หน้ามองตรง และที่สำคัญ ยิ้มสยาม

- การวางตัวในขณะสัมภาษณ์ทำหน้ายิ้มไว้ สบสายตาผู้สัมภาษณ์มีหลายคนชอบมองเพดานหรือมองหาเศษเหรียญตามพื้นถ้าโชคดีอาจจะได้เจอแบงค์พันก็ได้ 555 ถ้าคนสัมภาษณ์มีหลายคนก็ควรแจกจ่ายสายตาให้ทั่วถึงด้วยแต่ก็เน้นไปที่คนใหญ่คนโต ควรนั่งในท่าสุภาพ ไม่เกร็ง วางแขนไว้ที่ตัก อย่าสั่นขา การตอบคำถามควรลงท้ายด้วย "ครับ", "ค่ะ" เสมอ ไม่ควรตอบเฉพาะคำถามห้วนๆ ไม่ควรพูดสอดแทรกในขณะที่ผู้สัมภาษณ์กำลังพูด ถ้าอาจารย์เกิดแนะนำตัวเองด้วยการบอกชื่อขึ้นมาน้องควรจะจำให้ได้ แล้วต่อไปก็ต้องเรียกชื่อของอาจารย์ ( ส่วนใหญ่คนสัมภาษณ์จะไม่ค่อยบอกชื่อตัวเอง ถามชื่อคนอื่นไม่บอกชื่อตัวเอง ไม่มีมารยาทเลยเนอะ ฮาฮา )

- การตอบคำถามจงตอบคำถามด้วยความมั่นใจ ฉะฉาน พูดให้เป็นธรรมชาติด้วยเสียงที่พอเหมาะอย่าค่อย หรือดังเกินไป จงพูดเท่าที่จำเป็นอย่าคุยโม้โอ้อวด หรือถ่อมตนมากเกินไป ห้ามพาดพิงให้ร้ายพูดถึงคนอื่นในแง่ลบ จงพูดในสิ่งที่เป็นความจริงและสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคำถามและเป็นประโยชน์ สำหรับคุณให้มากที่สุด ดังนั้นเราก็ควรจะฝึกพูดกับตัวเองหรือหน้ากระจกด้วยนะครับ เพื่อจะได้ไม่ประหม่า และก็หลีกเลี่ยงการใช้คำศัพท์เฉาพกลุ่มต่างๆนานา เช่น มันเริ๋ดจริง ด๋อย เกรียน สมัยนี้คงไม่มีใช้คำว่า จ๋าบละมั้ง สมัยก่อนฮิตกันมาก = = แล้วอีกอย่างคือห้ามเถียง ถึงเถียงชนะแต่เราก็อาจจะสอบไม่ติดได้ = = การตอบคำถามทุกคำถามควรจะพูดความจริง เพราะว่าคนสัมภาษณ์เขามีประสบการณ์เยอะ ( ก็อายุเยอะแล้ว ) ดังนั้นถามถ้าเราโกหกอะไรไปพวกเขาจะจับผิดได้ 99% ยกเว้นน้องจะมีความเชี่ยวชาญพิเศษในด้านก็ตามแต่ก็ไม่ควรจะเสี่ยง

คำถามยอดฮิต

1. เล่าประวัติแบบย่อ ๆของคุณให้ฟังหน่อยครับ / แนะนำตัวให้กรรมการฟังหน่อยครับ ถามมาแบบนี้ จะถามทำไม ก้อดูเอาในประวัติสิคับ-----อย่าตอบไปเด็ดขาดเลยนะ เหอๆ (คิดในใจก้อพอ) ที่เค้าถามน่ะเพื่อดูภาพรวม, การแสดงความคิดเห็นของตนเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องง่าย เราก็ควรจะจัดลำดับคำตอบให้ดีนะ เรื่องของตัวเอง Present ให้เต็มที่เลย แต่ทว่า อย่าไปพูดวกไปวนมา หรือยืดยาวจนเกินไปนะ!!!! แนวๆประมาณ ชื่อ.....ชื่อเล่น.....มาจากรร.ไร.....ความสามารถพิเศษ.....หรืออย่างอื่นที่เราคิดว่าเป็นจุดเด่นของตนเองประมาณเนี้ย ดังนั้นควรจะฝึกมาตั้งแต่ที่บ้านนะครับ
2.เหตุผล ทำไมๆๆ ถึงเลือกเรียนที่นี่ สาขานี้ ในการตอบนั้น แต่ละคนอาจจะมีลักษณะคำตอบที่แตกต่างกัน แนวทางของคำตอบนั้น พยายามตอบเป็นกลางๆ คือไม่ได้ฟังดูดีมาก หรือห้วนจนเกินไป เพื่อความเป็นธรรมชาติ และไม่ดูเป็นสคริปต์มากนัก และที่สำคัญ ควรตอบคำถามทุกคำถามด้วยถ้อยคำชัดเจนและสุภาพ เพื่อแสดงความมั่นใจในตัวเองและความเคารพต่อกรรมการ
3. วิชาที่ชอบและไม่ชอบ
4. อาชีพในฝัน
5. ถ้าไม่ได้เรียนที่นี่ในคณะนี้ จะเรียนที่ไหน
6. ถ้าเรียนแล้วรู้ตัวว่าคณะนี้ไม่ใช่จะทำอย่างไร ( ตอบยากมาก )
7. เรียนหนักนะจะไหวหรอ บอกไปเลยว่าจะพยายามให้ดีที่สุดถ้าได้โอกาสเข้าเรียน อย่าโม้เช่นว่า อย่างผมนะเก่งอยู่แล้วไม่มีอะไรยากสำหรับผม 55
8. ถ้าอาจารย์ถามถึงข้อเสียของเรา เช่นเคยทำอะไรให้พ่อแม่เสียใจบ้าง เคยสร้างวีรกรรมอะไรไว้บ้างก็ ตอบตามความจริง เพราะอาจารย์บางคนจะไล่ถามถ้าเราแต่งเองก็จะจนมุมในที่สุด

เจออาจารย์กวนปราสาท อันนี้หลายคนจะโดนเพราะอาจารย์ต้องการรู้ถึงจิตใจว่าทนต่อแรงเสียดสี กดดันต่างๆได้มั้ย โดยอาจารย์หลายท่านอาจจะทำพูดแล้วแสดงออกทางเสียง รวมถึงหน้าตาด้วย ( ดูแล้วมันก็น่ากวนตีน ยิ่งนัก ) แต่น้องก็เย็นๆไว้นะโยม ถ้าตบะแตกขึ้นมาก็จบเหตุ บางคนคะแนนข้อสอบเทพมากแต่เจออาจารย์แซวนิดแซวหน่อย ฟิวส์ขาด อย่างเช่น เธอคะแนนน้อยมาก ไม่รู้ฝ่ายพิจารณ์จะเรียก เธอมาสัมภาษณ์ทำไมนิ ( ตูจะรู้หรอ ก็คุณ ก็เรียกมาเองนิ xxx )คะแนนน้อยแบบนี้เรียนไปก็ซิ่ว เราก็ต้องตอบอย่างใจเย็นว่า ถึงตอนนี้คะแนนน้อย แต่หนูคิดว่าหนูจะพัฒนาได้ดีกว่านี้ หนูจะตั้งใจให้มากขึ้น ขอแค่ได้มีโอกาสสักครั้ง

ถ้าพบกับคำถามที่ตอบไม่ได้จงอย่าอ้างว่าไม่ได้เรียนมาและอย่าแสดงสีหน้าตกอกตกใจจนเกินเหตุ ( คิดในใจได้ซวยแล้วตู T__T) เขาอาจจะอยากลองดูไหวพริบการแก้ปัญหาของคุณ อันนี้อย่าตอบมั่วเด็ดขาด ยอมรับซะว่าไม่ทราบจริง ๆ และจะไปสืบค้นหาคำตอบภายหลัง ซึ่งแสดงว่าคุณเป็นผู้ใฝ่รู้ (ต้องทำจริง ๆ นะ) อย่าขอเปลี่ยนคำถามหรือขอผู้ช่วยเพราะไม่ใช่เกมโชว์ ( ความจริงมันก็ทำให้การสัมภาษณ์มีสีสันนะครับ แต่จะกลายเป็นตลกไม่ออก เหอะ ๆ )


สุดท้ายเมื่อจบการสัมภาษณ์ ไม่ว่าเราจะตอบได้ดีหรือไม่ดีก็ตามก็ยิ้มหวานๆ ยกมือไหว้ แล้วก็ออกจากห้องอย่าลืมเก็บเก้าอี้ให้เรียบร้อย

Lovely Panda Clip

Free time activities - multiple choice